วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

สุโขทัยเอาไม่อยู่! เล็งขีดวง 120 เมตรทำแนวกั้นน้ำใหม่ สกัดน้ำยมทะลัก-เจรจาร้านริมฝั่งรับน้ำเพิ่ม 1 ม.





สุโขทัย - เร่งหาทางแก้น้ำยมทะลักรอยรั่วใต้กำแพงสกัดน้ำท่วมเมืองสุโขทัย เตรียมเจรจาร้านค้ารัศมี 120 เมตรจากจุดรั่วให้รับน้ำเพิ่มอีก 1 เมตร ก่อนขีดวงสร้างแนวกั้นน้ำทะลักเพิ่ม หลัง “บิ๊กแบ็กเอาไม่อยู่ถูกน้ำพัดปลิว เผยน้ำท่วมคราวนี้หนักกว่าปี 49
      
       วันนี้ (11 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองที่ จ.สุโขทัยได้เข้าสู่วิกฤตแล้ว หลังจากตลอดช่วงคืนที่ผ่านมาหลายหน่วยงานได้พยายามขนบิ๊กแบ็กน้ำหนักถุงละ 1.5 ตันเข้าไปอุดกั้นบริเวณจุดที่น้ำยมทะลัก แต่มวลน้ำที่มีแรงปะทะมหาศาลได้พัดเอาบิ๊กแบ็กลอยไปกับกระแสน้ำตลอดเวลา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยุติการวางกระสอบทรายยักษ์ (Bigbag) ตั้งแต่เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันเดียวกัน
      
       นายนพพร ภู่เจริญ รองนายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี เปิดเผยว่า การวางบิ๊กแบ็กสกัดน้ำยมทำไปได้เพียง 50% ก็ต้องหยุด เพราะกระแสน้ำแรงมากพัดบิ๊กแบ็กปลิวตลอดเวลา รวมทั้งรถบรรทุก 6 ล้อของเทศบาลฯ ที่ขนบิ๊กแบ็กเข้าไปก็ถูกน้ำท่วมพังไปแล้ว 3 คัน จึงต้องวางแผนหาวิธีการป้องกันใหม่


      
       


โดยอาจจำเป็นต้องสร้างแนวป้องกันน้ำในรัศมี 120 เมตรจากจุดที่พังเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมขยายวงกว้าง แต่ปัญหาคือบ้านเรือน ร้านค้า อาคารพาณิชย์ รวมกว่า 100 หลังคาเรือนภายในเขตแนวป้องกันนี้จะต้องถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร และจะต้องมีการจ่ายชดเชยความเสียหายเป็นเงินจำนวนมากด้วย
      
       ล่าสุดทางนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ก็กำลังเจรจากับเจ้าของบ้านเรือน ร้านค้า อาคารพาณิชย์ ที่จะต้องถูกน้ำท่วมเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 เมตรเป็นกว่า 2 เมตร พร้อมๆ กับหลายหน่วยงานกำลังเร่งสรุปหาทางแก้วิกฤตต่อไปแล้ว
      
       สำหรับผลกระทบล่าสุด พบมีประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานีเดือดร้อนแล้วกว่า 4,000 ครอบครัว หรือกว่า 12,000 คน (จากทั้งจังหวัด 6,288 ครอบครัว 12,618 คน) และได้มีการเตรียมศูนย์อพยพผู้ประสบภัยไว้ที่สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสุโขทัย ส่วนความเสียหายทั้งหมดคาดเป็นเงินถึง 1,000 ล้านบาท


ขณะที่เช้าวันเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ก็ได้เดินทางมามอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บริเวณศาลาชุมชนราชธานี อ.เมืองสุโขทัย ก่อนนั่งเรือไปเยี่ยมชาวตลาดเทศบาลฯ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และตรวจดูความเสียหายบริเวณจุดที่น้ำยมทะลักเข้ามาท่วมตัวเมืองครั้งนี้
      
       ด้านนายสุนันท์ ฟุกฟัก อายุ 45 ปี ชาวบ้านชุมชนราชธานี เปิดเผยว่า น้ำท่วมตลาดเทศบาลฯ ครั้งนี้นับว่าหนักกว่าปี 2549 เพราะปี 49 น้ำท่วมแค่ในตัวตลาด แต่ปีนี้น้ำขยายวงกว้างเข้าไปท่วมในหลายชุมชน โดยเฉพาะที่ชุมชนราชธานี ภายในบ้านของตัวเองถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทำให้ทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก
      
       ส่วนที่ร้านเจ๊หงส์ขายอาหารสัตว์อยู่ในตัวตลาด ซึ่งตนทำงานอยู่ที่นั่นด้วย ก็ถูกน้ำท่วมเสียหายหนัก คาดเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทแน่นอน




      




      

      

         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น