วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

ป๋าๆ เฮ! อภ.ผลิตไวอากร้าไทย ช่วยปลุกนกเขาขัน


44603_002


นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยว่า อภ.ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ผลิตยาซิเดกร้า (Sidagra) เป็นยาชื่อสามัญที่ใช้ตัวยาชนิดเดียวกับไวอากร้า (Viagra) สำหรับแก้ไขอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหายาปลอมและยาราคาแพงได้

สำหรับยาซิเดกร้าที่ อภ.เป็นผู้ผลิต คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้ภายในวันที่ 15 ต.ค.นี้ แบ่งออกเป็น 2 ขนาด ได้แก่ เม็ดละ 50 มิลลิกรัม ราคา 25 บาท และ 100 มิลลิกรัม ราคา 45 บาท ในขณะที่ยาไวอากร้าซึ่งวางขายอย่างถูกต้องในท้องตลาดมีราคาอยู่ที่เม็ดละ 200 บาท

การผลิตยาดังกล่าวก็เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของยาปลอม ประกอบกับสังคมไทยมีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น ทำให้กลุ่มยาดังกล่าวเป็นที่นิยม การที่ยามีราคาแพง ทำให้ยากต่อการเข้าถึงการรักษานพ.วิทิต กล่าว

นพ.วิทิต กล่าวอีกว่า ขณะนี้ อภ.ได้เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยเพิ่มมาตรฐานโรงงานผลิตยาให้สูงกว่ามาตรฐานจีเอ็มพี ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับแก้รูปแบบ คาดว่าน่าจะใช้งบประมาณเพิ่มอีกประมาณ 100 ล้าน นอกจากนี้ยังพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน การตลาด เชื่อมโยงกับคู่แข่งทางการค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการจำหน่ายยากลุ่มความดันโลหิตสูง ยารักษาเบาหวาน ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี และยาสมุนไพร ใน 4 ประเทศเพื่อนบ้าน คือ ประเทศลาว กัมพูชา พม่า และเวียดนาม เนื่องจากการคมนาคมสะดวก อีกทั้งยังมีความนิยมใช้ยาคล้ายคลึงกัน

นอกจากนี้ ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ อภ.จะมีการเจรจากับประเทศอินโดนีเซียเพื่อต่อรองให้มีการผลิตยาในประเทศดังกล่าว แต่คงไม่ไปลงทุนเต็มรูปแบบเพราะต้นทุนสูง แต่อาจจะเป็นการนำเข้าตัวยาสำเร็จรูปเพื่อไปผลิตต่อภายในประเทศอินโดนีเซียอีกครั้งก่อนจำหน่าย





ลาก่อนเขียวหวานไก่…ฝรั่งจดอ้างสิทธิ์



03


ไม่น่าเชื่อว่าความอร่อยจาก แกงเขียวหวานไก่อาหารไทย ที่เรากินกันอยู่ทุกวัน กำลังได้รับความนิยมไปแล้วทั่วโลก โดยเฉพาะในญี่ปุ่น จนกลายเป็นกระแสเรียกว่า ”Green Curry Fever” ส่งผลให้ยอดส่งออกพุ่งขึ้นมากถึง 100 ล้านบาท ขึ้นอันดับหนึ่ง เอาชนะแกงกะหรี่ ยอดฮิตไปแล้ว!!

นอกจากนี้ ยังเป็นเมนูอันดับหนึ่งในร้านอาหารไทยกว่า 7,000 แห่งในอเมริกา สูสีกับต้มยำกุ้ง จนติด CNN Top 50 อาหารนานาชาติ ที่อร่อยที่สุดในโลก แต่จากนี้ไป มันจะไม่ใช่ของคนไทย จะกลายไปเป็นของฝรั่งแล้ว โดยแหล่งข่าวเบื้องต้นอ้างว่านาย John stephen mayor เชฟชื่อดังชาวอเมริกัน ผู้ได้รับสิทธิบัตรสูตรอาหารมากมาย จากทั่วโลก จะแจ้งยื่นขอจดสิทธิบัตรแกงเขียวหวานไก่ ไปเป็นของเขาเอง โดยเขาให้สัมภาษณ์ว่า

ผมจดสิทธิบัตรอาหารมาแล้วทั่วโลก คราวนี้ถึงตาอาหารไทยละ ผมชื่นชอบรสชาติของแกงเขียวหวานไก่มานานแล้ว มันมีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมาก แต่จากนี้มันจะเป็นของคนอเมริกัน



และนี่คือ อีกหนึ่งภูมิปัญญาไทยที่ถูกชาวต่างชาติเอาเปรียบ เช่นเดียวกับกรณีของข้าวหอมมะลิและรถตุ๊กตุ๊ก ที่ถูกต่างชาติ จดสิทธิบัตรไปเป็นของพวกเขาแล้ว

อึ้ง! ผลวิจัยเยอรมันพบสารก่อมะเร็งในชาไข่มุก


     25550911-182959.jpg

        ผลงานวิจัยจากประเทศเยอรมนี เผยว่า หลังการสุ่มตรวจเม็ดไข่มุกในเครื่องดื่มประเภทชาไข่มุก พบว่ามีสารก่อมะเร็งเจือปนในเม็ดไข่มุก

       รายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า องค์การด้านสุขภาพและนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโรงพยาบาลอาร์คอน (University Hospital Aachen) ของเยอรมนี ได้ออกเตือนถึงการบริโภคเครื่องดื่มประเภทชาไข่มุก ซึ่งกำลังเริ่มได้รับความนิยมในประเทศแถบยุโรปรวมทั้งเยอรมนี ว่า นอกจากเครื่องดื่มเหล่านี้จะเสี่ยงก่อให้เกิดอันตรายจากการสำลักเม็ดไข่มุกแล้ว ยังตรวจพบว่าเม็ดไข่มุกเคี้ยวหนึบดังกล่าวยังมีสารเคมีประเภทโพลีคลอริเนต ไบฟีนิล หรือ PCBs (Polychlorinated Biphenyls หรือ PCBs) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งเจือปนอยู่ด้วย

        ตัวอย่างที่สุ่มตรวจพบสารก่อมะเร็งเป็นตัวอย่างจากร้านชาไข่มุกไม่ระบุชื่อสาขาจากประเทศไต้หวัน ในเมืองมอนเช่นกล๊าดบาค (Mönchengladbach) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเยอรมนี โดยตรวจพบสารเคมีประเภท โพลีคลอริเนต ไบฟีนิล ได้แก่ สไตรีน (Styrene) อะซีโตนฟีโนน (Acetophenone) และ สารประกอบของโบรมิเนต (Brominated Substances) ซึ่งเป็นสารที่ไม่สมควรพบในอาหารเจือปนอยู่ด้วย

     อย่างไรก็ดี แม้จะมีการตรวจพบการเจือปนของโพลีคลอริเนต ไบฟีนิล แต่ก็ยังไม่มีรายงานถึงอุบัติเหตุหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากชาไข่มุกในประเทศเยอรมนีแต่อย่างใด

     ทั้งนี้ สารเคมีประเภทโพลีคลอริเนต ไบฟีนิล เป็นสารที่ละลายน้ำได้น้อยแต่ละลายในไขมันได้ดี และสลายตัวได้ยากในสิ่งมีชีวิต เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์แล้วจะถูกขับออกได้บ้างทางอุจจาระ และปัสสาวะ ที่เหลือจะสะสมในร่างกายทีละน้อย จนเริ่มแสดงอาการของพิษ เริ่มตั้งแต่คลื่นไส้ เหนื่อย เบื่ออาหาร เกิดตุ่มฝีที่ผิวหนัง เล็บคล้ำ ฯลฯ ไปจนถึงอาการขั้นร้ายแรง คือทำให้เกิดความผิดปกติของระบบสืบพันธ์ ระบบภูมิคุ้มกัน และอาจทำให้เป็นมะเร็ง

25550911-182959.jpg



สุโขทัยเอาไม่อยู่! เล็งขีดวง 120 เมตรทำแนวกั้นน้ำใหม่ สกัดน้ำยมทะลัก-เจรจาร้านริมฝั่งรับน้ำเพิ่ม 1 ม.





สุโขทัย - เร่งหาทางแก้น้ำยมทะลักรอยรั่วใต้กำแพงสกัดน้ำท่วมเมืองสุโขทัย เตรียมเจรจาร้านค้ารัศมี 120 เมตรจากจุดรั่วให้รับน้ำเพิ่มอีก 1 เมตร ก่อนขีดวงสร้างแนวกั้นน้ำทะลักเพิ่ม หลัง “บิ๊กแบ็กเอาไม่อยู่ถูกน้ำพัดปลิว เผยน้ำท่วมคราวนี้หนักกว่าปี 49
      
       วันนี้ (11 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองที่ จ.สุโขทัยได้เข้าสู่วิกฤตแล้ว หลังจากตลอดช่วงคืนที่ผ่านมาหลายหน่วยงานได้พยายามขนบิ๊กแบ็กน้ำหนักถุงละ 1.5 ตันเข้าไปอุดกั้นบริเวณจุดที่น้ำยมทะลัก แต่มวลน้ำที่มีแรงปะทะมหาศาลได้พัดเอาบิ๊กแบ็กลอยไปกับกระแสน้ำตลอดเวลา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยุติการวางกระสอบทรายยักษ์ (Bigbag) ตั้งแต่เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันเดียวกัน
      
       นายนพพร ภู่เจริญ รองนายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี เปิดเผยว่า การวางบิ๊กแบ็กสกัดน้ำยมทำไปได้เพียง 50% ก็ต้องหยุด เพราะกระแสน้ำแรงมากพัดบิ๊กแบ็กปลิวตลอดเวลา รวมทั้งรถบรรทุก 6 ล้อของเทศบาลฯ ที่ขนบิ๊กแบ็กเข้าไปก็ถูกน้ำท่วมพังไปแล้ว 3 คัน จึงต้องวางแผนหาวิธีการป้องกันใหม่


      
       


โดยอาจจำเป็นต้องสร้างแนวป้องกันน้ำในรัศมี 120 เมตรจากจุดที่พังเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมขยายวงกว้าง แต่ปัญหาคือบ้านเรือน ร้านค้า อาคารพาณิชย์ รวมกว่า 100 หลังคาเรือนภายในเขตแนวป้องกันนี้จะต้องถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร และจะต้องมีการจ่ายชดเชยความเสียหายเป็นเงินจำนวนมากด้วย
      
       ล่าสุดทางนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ก็กำลังเจรจากับเจ้าของบ้านเรือน ร้านค้า อาคารพาณิชย์ ที่จะต้องถูกน้ำท่วมเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 เมตรเป็นกว่า 2 เมตร พร้อมๆ กับหลายหน่วยงานกำลังเร่งสรุปหาทางแก้วิกฤตต่อไปแล้ว
      
       สำหรับผลกระทบล่าสุด พบมีประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานีเดือดร้อนแล้วกว่า 4,000 ครอบครัว หรือกว่า 12,000 คน (จากทั้งจังหวัด 6,288 ครอบครัว 12,618 คน) และได้มีการเตรียมศูนย์อพยพผู้ประสบภัยไว้ที่สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสุโขทัย ส่วนความเสียหายทั้งหมดคาดเป็นเงินถึง 1,000 ล้านบาท


ขณะที่เช้าวันเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ก็ได้เดินทางมามอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บริเวณศาลาชุมชนราชธานี อ.เมืองสุโขทัย ก่อนนั่งเรือไปเยี่ยมชาวตลาดเทศบาลฯ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และตรวจดูความเสียหายบริเวณจุดที่น้ำยมทะลักเข้ามาท่วมตัวเมืองครั้งนี้
      
       ด้านนายสุนันท์ ฟุกฟัก อายุ 45 ปี ชาวบ้านชุมชนราชธานี เปิดเผยว่า น้ำท่วมตลาดเทศบาลฯ ครั้งนี้นับว่าหนักกว่าปี 2549 เพราะปี 49 น้ำท่วมแค่ในตัวตลาด แต่ปีนี้น้ำขยายวงกว้างเข้าไปท่วมในหลายชุมชน โดยเฉพาะที่ชุมชนราชธานี ภายในบ้านของตัวเองถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทำให้ทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก
      
       ส่วนที่ร้านเจ๊หงส์ขายอาหารสัตว์อยู่ในตัวตลาด ซึ่งตนทำงานอยู่ที่นั่นด้วย ก็ถูกน้ำท่วมเสียหายหนัก คาดเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทแน่นอน