หนุ่มสาวสมัยนี้
เพียงแค่มีตุ่มเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าก็ร้อนใจแล้ว
ถ้าร้ายถึงขั้นเป็นสิวเม็ดเป้ง หรือสิวอุดตัน สิวอักเสบบนใบหน้าแล้วล่ะก็
เรียกได้ว่า แทบไม่อยากเอาหน้าออกไปพบผู้คน
ดังนั้นมีหนทางวิธีไหนที่จะจำกัดส่วนเกินบนใบหน้างามๆ ได้ ต้องเร่งรีบ "การกินยารักษาสิว" จึงกลายมาเป็นอีกทางเลือกเร่งด่วน
แต่หารู้ไม่ว่า การกินยารักษาสิวแม้จะช่วยให้กลับมาหน้าใสไร้เม็ดสิว
แต่ยังส่งผลกระทบให้เกิดภาวะโรคภัยต่างๆ ได้ด้วยเช่นกัน
หากใครที่เคยรับประทานยารักษาสิว
ลองย้อนกลับไปนึกถึงตอนที่คุณหมอความงามทั้งหลายจ่ายยาดูสิว่า
นอกจากบอกเวลารับประทาน ได้บอกชื่อยา สรรพคุณของยา และผลข้างเคียงของยาหรือไม่
หากคำตอบคือ "ไม่" คุณจำเป็นต้องมีความรู้ไว้ป้องกันตัวเองและไว้เพื่อสอบถามกับคุณหมอเมื่อยามจ่ายยาในครั้งหน้า
"นายแพทย์จีรวัส ศิลาสุวรรณ" อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โรงพยาบาลพญาไท 2 กล่าวว่า ยา
รักษาสิว มี 3 กลุ่มใหญ่ คือ ยาฆ่าเชื้อ (Antibiotic
drog ) ยาลดการอักเสบ(Non-Steroidal Anti-inflammatory Drugs
or steroid) และ ยาลดไขมันบนใบหน้า ( ยาในกลุ่ม Isotretinoin
,Roaccutane, Acnotin) ซึ่งยาแต่ละกลุ่มก็มีส่งผลเสียต่อร่างกายแตกต่างกันไป
กลืนลำบาก
ซึ่งเป็นผลหลังจากการรับประทานยา อาจเกิดจาก ยาติดค้างในหลอดอาหาร เป็นผลมาจาก
การดื่มน้ำน้อยเกินไป ควรจะดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว
และหลังจากรับประทานยาไม่ควรนอนทันที ควรทิ้งช่วงประมาณ 1 ชั่วโมง
ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้
ซึ่งพบว่าผู้ป่วยที่รับประทานยากลุ่มนี้เป็นโรคกระเพาะอักเสบเพิ่มมาก
สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะควรรับประทานยาหลังอาหารทันที
และควรรับประทานยาลดกรดควบคู่ไปด้วย เพื่อป้องกันกระเพาะทะลุหรือโรคกระเพาะกำเริบ
ซึ่งหากไปพบแพทย์ช้าก็อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
นอกจากยากลุ่มนี้จะส่งผลร้ายให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหารแล้ว
ผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นไวรัสตับอักเสบบี หรือคนที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้
ยานี้จะไปกระตุ้นให้โรคกำเริบ นับเป็นภัยเงียบ คนทั่วไปไม่ได้ระวัง
การรับประทานยารักษาสิวจะทำให้เกิดภาวะภาวะแทรกซ้อนได้บ่อย
กลุ่มยาลดไขมันบนใบหน้า ผล
ที่เห็นชัดเจนและพบบ่อยก็คือ คนที่รับประทานยาจะมีอาการปากแห้ง ถึงขั้นริมฝีปากแตกมีเลือดออก
และห้ามคนท้องรับประทานยานี้โดยเด็ดขาด เพราะเสี่ยงให้เด็กที่เกิดมาพิการ สำหรับคนปกติระหว่างที่รับประทานยาจำพวกนี้หากจะมีเพศสัมพันธ์ต้องป้องกัน
และมีการวางแผนการมีบุตร โดยหลังหยุดรับประทานยา 6-12 เดือน
ถึงสามารถตั้งครรภ์ได้
หากคุณเลือกวิธีรักษาสิวด้วยการรับประทานยา
ควรต้องระวังให้มาก ต้องกล้าซักถามคุณหมอเกี่ยวกับยา แจ้งคุณหมอหากมีโรคประจำตัว
หากเคยรับประทานยาแล้วมีภาวะแทรกซ้อน เช่นมีแผลในกระเพาะอาหาร หรือหลอดอาหาร
ควรแจ้งให้คุณหมอทราบทันที และไม่ควรรับประทานยาต่อเนื่องยาวนาน
เมื่ออาการสิวลดลงแล้วก็ควรเปลี่ยนมาใช้ยาทา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น